6 วิธีเลือกกินอาหาร ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน

เราสามารถเลือกการกินอาหารที่ช่วยชะลอการสลายและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย และนี่คือ 6 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายอยู่กับเราไปนาน ๆ

1. กินโปรตีนต่อวันต้องเพียงพอ ทำให้สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่

อย่างที่รู้กันแล้วว่าคอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ดังนั้นการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ให้เพียงพอความต้องการต่อวัน หรือ 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้าหากเรามีน้ำหนักตัวที่ 50 กรัม แสดงว่าเราต้องกินโปรตีนให้ได้ 50 – 60 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับการเลือกกินเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ปลา ให้ได้รวม ๆ กันประมาณ 200 – 250 กรัม การกินโปรตีนที่เพียงพอ ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูก นอกเหนือจากการนำไปปรับสมดุลของโปรตีนในร่างกายนั่นเอง

2. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน ซี

เพราะวิตามิน ซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน โดยแหล่งของวิตามิน ซี คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง ผักคะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ลแดง มะนาว เบอร์รีชนิดต่าง ๆ เป็นต้น

3. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน เอ

เพราะวิตามิน เอ ช่วยกระตุ้นการเติบโตของไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกาย ที่ทำให้ผิวพรรณยังเต่งตึง โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามิน เอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอทมะละกอสุก เป็นต้น

4. กินอาหารที่เป็นแหล่งวิตามิน อี

เพราะวิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานคู่กับวิตามิน ซี โดยแหล่งของวิตามิน อี คือ น้ำมันพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบใน ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง กีวี เป็นต้น

5. หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน

เพราะน้ำตาลจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (glycation) ที่จะส่งผลให้คอลลาเจนเสียรูปร่างและไม่ยืดหยุ่นแบบที่ควรเป็น

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน

น้ำเปล่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่พอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วย

“Vita Plus Little mermaid fish Collagen”

คอลลาเจนโมเลกุลเล็กพิเศษจากปลา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง สารสำคัญช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียน กระชับ เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย วันละ 1-2 ครั้ง ดื่มได้ง่าย เพียง 1 ซองต่อน้ำ 500 ml. แค่ซองนี้ก็มีคอลลาเจนเพียงพอต่อรางกายเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยวิตามินครบครัน ฉีกปากซอง เทลงไปผสมในน้ำ (ทุกชนิด) 500 ml. ผสมให้เข้ากันแล้วก็ดื่มได้เลย

cr.รูปภาพ IG ณปภา ตันตระกูล

“ดอกกุหลาบ” เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่มักนิยมนำมาสกัดใช้เป็นส่วนผสมของสกินแคร์ เพราะภายในดอกกุหลาบเต็มไปวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ได้แก่ วิตามินซี วิตามินบี วิตามินเค แคโรทีน แคลเซียม โพแทสเซียม ทองแดง และไอโอดีน ซึ่งจะมีมากในกลีบกุหลาบ จึงนิยมนำส่วนนี้ไปเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ โดยเฉพาะมอยส์เจอไรเซอร์และโทนเนอร์

นอกจากนี้ตัวดอกยังสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ จะเห็นได้บ่อยในลักษณะของเอสเซนเซียล ออยล์ในเครื่องหอมอย่างสเปรย์ฉีดห้อง เทียนหอม หรือเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่านั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้นานาประโยชน์จริงๆ

ประโยชน์ของดอกกุหลาบ

• เมื่อนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด เลือดลมไหลเวียนดีลดอาหารใจสั่น นอนหลับง่ายขึ้น

• มีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยฟื้นฟูเซลล์ผิวภายในให้แข็งแรง

• คืนความชุ่มชื่นให้กับผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น

• ลดการเกิดสิวและการอักเสบของผิว ช่วยกระชับรูขุมขน

• ลดรอยจุดด่างดำและความหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว

Vie Hydro-Glow Infusion Drops 15 ml. ราคา 1,070 บาท เซรั่มเนื้อบางเบาแต่ให้ความชุ่มชื่นแบบจัดเต็มโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะให้ผิวด้วยสารสกัดจากดอกกุหลาบที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและปลอบประโลมผิว บำรุงผิว โดดเด่นด้วยส่วนผสมของแบล็กโรสที่มีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวอิ่มฟู ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวพร้อมแก่การบำรุงในขั้นตอนต่อไป แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบ ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายขณะที่ใช้

บทความเกี่ยวข้อง : เซรั่มหน้าใส

โดยเซรั่มตัวนี้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวนะคะ ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง, ผิวผสม, ผิวมัน หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็สามารถเติมน้ำให้ผิว ได้ด้วยค่ะ ทางเรามีเคล็ดลับในการใช้มาฝากด้วยนะคะ สำหรับ “The Hydro-Glow Infusion Drops” ขวดเนี้ย เค้าเป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้าที่จะเข้าไปช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า ร่วงโรย ให้กลับมา เนียน นุ่ม ชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูสุขภาพดี และนอกจากนี้ยังช่วยเสริมเกราะป้องกัน ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น

เซรั่มดอกกุหลาบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ กว่า 13 ชนิด อย่าง

    • ดอกกุหลาบ ที่ช่วยบำรุง ฟื้นฟู และซ่อมแซมผิว
     

    • Jeju Natural Whitening Cell ที่ช่วยผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
    

    • Vitamin B3 ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และเพิ่มความชุ่มชื้น
     

    • Aquatide ช่วยปลอบประโลมผิวจากมลภาวะ
     

    • น้ำมันโรสฮิป ที่ช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับผิว และช่วยลดปัญหาสิว

ที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยี Shuindari Fermentation Technology  เพื่อผิวเปล่งประกายออร่า และที่สำคัญเลยก็คือเค้าไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวอีกด้วยค่า 

มาต่อที่เนื้อสัมผัสกันต่อเลยนะคะสำหรับเนื้อสัมผัสของเค้า มาในรูปแบบเซรั่มใสที่ผสมด้วยเม็ดบีทสีแดงอ่อนๆ ให้สัมผัสที่บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งความมัน สำหรับในเรื่องของกลิ่น เค้ามีกลิ่นหอมอ่อนๆที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีด้วยค่า 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะสาวๆ สำหรับ “The Hydro-Glow Infusion Drops”  น่าสนใจใช่มั๊ยละคะ

สรุปกันเลยนะคะสาวๆ สำหรับ “The Hydro-Glow Infusion Drops” เรียกได้เป็น “เซรั่มคืนวัยให้ผิว” เพราะนอกจากเค้าจะช่วยให้ผิวหน้าเนียน นุ่ม ชุ่มชื้น กระจ่างใส สุขภาพดีแล้ว เค้ายังตอบโจทย์ในเรื่องของริ้วรอยได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่า  

สารสกัด จากสาหร่ายสีน้ำตาล หรือ ลามินาเลีย (laminaria) ช่วยปรับสมดุลแห่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมนุษย์ รวมทั้งให้ผลลัพธ์ในการสลายไขมัน ( Lipolysis ) จึงช่วยลดน้ำหนักและลดสัดส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปราศจากผลข้างเคียงและการกลับมาอ้วนมากกว่าเดิม (YoYo Effect) เพราะสารสกัดจากสาหร่ายมีคุณสมบัติทำให้เกิดภาวะไลโปไลซิส (Lipolysis) หรือเกิดการสลายตัวของไขมัน

ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว จึงทำให้ผิวตึงกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมแคลอรี่ นอกจากมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักแล้ว สาหร่ายสีน้ำตาลยังขึ้นชื่อเรื่องการดูดซับสารพิษ ลดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของการเกิดสิว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์มากมาย เราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

สาหร่ายทะเล สรรพคุณบำรุงผิว

สาหร่าย ถือเป็นพืชที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่หลากหลายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถูกใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมอาหารและยา ในด้านของการนำสรรพคุณของสาหร่ายมาใช้เป็นยาเฉพาะซัลเฟตโพลีแซคคาไรด์นั้นถือเป็นแหล่งสำคัญของสารประกอบธรรมชาติที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพและประโยชน์ต่อสุขภาพ การต้านการแข็งตัวของเลือดไม่ให้เกาะเป็นลิ่มเลือด ต้านการเกิดเนื้องอก ยาต้านจุลชีพ ต้านการอักเสบ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้สาหร่ายที่อยู่ในความสนใจของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สาหร่ายจึงไม่ใช่สิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมการดูแลผิวพรรณ

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีสาหร่ายที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรต่างๆ เกือบ 73,000 ชนิด ไม่ใช่ทุกชนิดที่มีประโยชน์ มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่สกินแคร์ชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลัก สาหร่ายมีทั้งที่ขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ และขนาดเล็กที่มองเห็นได้ด้วยกล่องจุลทรรศน์เท่านั้น แต่ทั้งคู่มีประโยชน์มากมายเมื่อมันมาถึงผิวของเรา สาหร่ายอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน กดอะมิโน และ แร่ธาตุทางพฤกษเคมีต่างๆ มาก สาหร่ายถูกยกให้เป็นซุปเปอร์นิวทริเชียส สำหรับผิวพรรณและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นเมื่อถูกนำมาปรุงร่วมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่มีประโยชน์ต่อผิว ทั้งช่วยทำความสะอาดรูขุมขน เพิ่มความกระจ่างใส ชุ่มชื้นและป้องกันแสงแดด

Vie Cosmetics จึงได้เลือกใช้สาหร่ายทะเลสีน้ำตาล มาใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ดูแลและจัดการปัญหาผิว เสริมสร้างเกราะปกป้องให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียนเปล่งปลั่ง ประกายออร่า พร้อมปรับสีผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ร่วมพลังสารสกัดจากธรรมชาติทั้ง “ดอกกุหลาบ” ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวที่ไม่ธรรมดาหากคุณเผชิญกับปัญหาสัญญาณผิวเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศและกาลเวลา 𝗧𝗵𝗲 𝗛𝘆𝗱𝗿𝗼-𝗚𝗹𝗼𝘄 𝗜𝗻𝗳𝘂𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗗𝗿𝗼𝗽𝘀 สามารถทำให้ผิวของคุณกลับมาแลดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง “ คืนวัยให้ผิว ด้วยสารสกัด 13 ชนิด – บำรุง จัดการปัญหา ให้ผิวสวยใส ”

1. เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น

ผิวที่แห้งแตก ขาดน้ำ จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ระบบไหลเวียนด่างๆ ใต้ชั้นผิวทำงานได้ไม่ดี และทำให้ผิวโดยรวมของคุณดูหมองคล้ำ เมื่อใช้ topically, พบว่าสารสกัดจากสาหร่ายเป็นสารที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีกว่ากรดไฮยาลูโรนิกซึ่งถ้าร่างกายคุณขาดน้ำ หรืออยู่สภาพอากาศที่แห้ง ไฮยาลูโรนิกจะดึงน้ำออกจากผิวคุณได้ สาหร่ายทะเลจึงเป็นส่วนผสมที่มีศักยภาพเมื่อถูกใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้น

2. ลดการเกิดรอยดำ

สาหรายสีน้ำตาล จะช่วยเรื่องการลดเลือนรอยดำให้จางลงได้ หากคุณกำลังหาส่วนผสมหลักเพื่อลดรอยดำบนผิวหน้าอย่างปลอดภัย และต้องการเลี่ยงส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด กัดผิว ฟอกสีผิว ไม่ทำให้ผิวบางลอกหรือทำร้ายเกราะคุ้มผิวให้บางลงจนผิวอ่อนแอ คุณสามารถเลือกสารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลเพื่อปรับผิวหน้าให้กระจ่างใสตามธรรมชาติได้เลย สาหร่ายสีน้ำตาลมีคุณสมบัติให้ความกระจ่างใสของผิวซึ่งสามารถช่วยลดการเกิดจุดด่างดำ สีผิวเรียบเนียนขึ้นได้สาหร่ายสามารถทำให้จุดด่างดำจางลง ผลการศึกษาลาสุดทำในเซลล์ผิวของมนุษย์แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากสาหร่ายทะเลสามารถช่วยลดเลือนรอยดำ และเพิ่มพลังความสดใสให้กับผิวหน้าได้ ถือส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีโดดเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูความสดใสให้กับผิวพรรณ

3. ช่วยต้านการอักเสบ

การอักเสบที่ผิวหนังอาจเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน เช่น ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ความเครียดจากอนุมูลอิสระ และแม้กระทั่งมลภาวะที่เราต้องเผชิญในทุกๆ วัน เช่น PM 2.5 สิ่งเหล่านี้ทำให้เซลล์ผิวเกิดการอักเสบเสียหาย ทำให้เกิดรอยดำและริ้วรอย ด้วยคุณสมบัติของสาหร่ายที่สามารถจัดการการอักเสบและปัญหาผิวอื่นๆ ในเชิงรุกได้ดีคุณสมบัติต้านการอักเสบในสาหร่ายหรือสารที่เกิดจากเมแทบอไลท์ของสาหร่ายมีศักยภาพในการหยุดกระบวนการอักเสบในระยะเริ่มแรกก่อนที่การอักเสบจะพัฒนาไปเป็นรอยดำและริ้วรอยในภายหลัง

ปกป้องเซลล์ผิวที่เสียหายจากแสงแดดสาหร่ายช่วยป้องกันรังสียูวีที่เป็นธรมชาติ สำหรับการต่อสู้กับความเครียดออกซิเดชั่นโดยเฉพาะสิ่งที่เกิดจากการสัมผัสกับรังสียูวีสาหร่ายสีแดงและน้ำตาลสามารถให้การปกป้องได้ มีงานวิจัยสารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลพบว่าอาจช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการถูกแสงแดดมากเกินไป ( Science Daily News ) นอกเหนือจากนั้นสาหร่ายยังผลิตโมเลกุลที่ละลายน้ำได้ซึ่งเรียกว่ากรดอะมิโน mycosporine และทำหน้าที่เป็นสารป้องกันรังสี UV อีกด้วย

กรดอะมิโนนอกจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังสามารถขับอนุมูลอิสระที่เป็นพิษได้ โดยการกระจายพลังงานรังสียูในรูปแบบของความร้อนที่ไม่เป็นอันตรายโดยทำหน้าที่เหมือนครีมกันแดดตามธรรมชาติ และสารสกัดจากสาหร่ายในสกินแคร์สามารถการป้องกันแสงแดดให้กับผิวเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง แต่การใช้ครีมกันแดดทุกวันมีความจำเป็นเพื่อ ครอบคลุมความยาวคลื่นและระยะเวลาสัมผัสแสงแดด

4. ลดการเกิดริ้วรอย

จากสาหร่ายนั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียนประโยชน์ของสาหร่ายช่วยยับยั้งเอนไซม์ซึ่งทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน อีกทั้งลดการกระตุ้นการอักเสบของผิวที่เสียหายจากรังสียูวีจากการศึกษาเปรียบเทียบพบว่าแอสตาแซนธินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสาหร่ายพบว่าสูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าเข้มข้นกว่า CoQ10 800 เท่าและแข็งแกร่งกว่า catechins ในชาเขียวถึง 550 เท่า ส่วนผสมจากสาหร่ายทะเลนี้เปรียบเหมือนโรงไฟฟ้าที่ให้พลังงานในการปรับปรุงผิวหน้า ถือเป็นสารต้านความเสื่อมแก่ของเซลล์ผิวหน้า ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มนวลสุขภาพดีขึ้นและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดี

เมื่อพูดถึงผลไม้ตระกูลเบอรี่นั้นเราก็ต้องนึกถึง สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ เป็นต้น สีสันของตระกูลเบอร์รี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมีความสดใส ทำให้น่าหยิบมาลิ้มลอง ส่วนใหญ่ผลไม้ตระกูลนี้จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว แน่นอนว่าประโยชน์มากมายทีเดียว มีงานวิจัยอธิบายไว้ว่าการรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงที่ทำให้สมองเสื่อม และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้

นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแล้ว เบอรี่ยังมีประโยชน์ด้านความงามอีกด้วย เป็นที่รู้จักกันดีผลไม้ตระกูลเบอรี่เมื่อนำมาทำการสกัดจะได้วิตามินซีสูง เพื่อใช้ในด้านความงามต่างๆ และเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์เป็นประจำจึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา

ประโยชน์ของตระกูลเบอรี่

สตรอว์เบอร์รี่ อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงและให้แคลอรี่ต่ำ มีวิตามินซีสูง ที่สำคัญคือผลสตรอเบอร์รี่มีสารแอนโธไซยานินเป็นแหล่งรวมของสารสีแดง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น เส้นใยอาหารของสตอเบอร์รี่ ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลและความเสี่ยงมะเร็งลำไส้แถมยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายให้ดีขึ้น ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเนื่องจากผลไม้ชนิดนี้ มีกากใยสูงถึง 3.6 กรัม และมีแคลอรี่ต่ำ การที่รับประทานผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงๆ แบบนี้จะทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน

บลูเบอร์รี่

เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามิน C และ วิตามิน E ถ้ารับประทานบลูเบอร์รี่เป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี ในบลูเบอร์รี่นี้มีสาร anti-oxidant ปริมาณมาก สาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่ได้เป็นอย่างดี บลูเบอรี่จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก

เชอร์รี่

ที่เราเห็นบ่อยบนยอดสุดของไอศกรีม รสชาติหวานหอมนั้นประโยชน์มากมายเลยนะคะ เพราะเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีวิตามินC และมีโพแทสเซียมในปริมาณสูงวิตามิน c จะช่วยรักษาแผล ส่วนโพแทสเซียมจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ช่วยให้ความดันโลหิตทำงานเป็นปกติ แถมยังช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดป้องกันการเกิดโรคเกาต์ได้ ใครที่มีอาการปวดตามข้อ ควรหาซื้อเชอร์รี่มาทานนะคะ

ราสเบอร์รี่

ราสเบอร์รี่มีธาตุ โพแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูง มีวิตามินเคหรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด สารสีแดงในราสเบอร์รี่มีคุณสมบัติช่วยในการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น มีผลช่วยให้ระบบการทำงานของประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แครนเบอร์รี่

เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่มีผลเล็กๆ สีแดงสด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันและลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก แถมมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบและป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

แบล็คเคอร์เรนท์

ถูกยกให้เป็นราชาของตระกูลเบอร์รี่ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินA วิตามินB1 วิตามินB2 และมีวิตามินC สูงมากอีกด้วย รับประทานแบล็คเคอร์เรนท์เป็นประจำจะช่วย บำรุงสายตา ป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อม และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวสวยใสไม่แก่ด้วยนะคะ

ปัจจุบันนี้มีเวช สําอาง แบรนด์สกินแคร์มากมายที่มีส่วนผสมผลไม้ตระกูลเบอรี่ที่สามารถช่วยให้สาวๆ เลือกซื้อเลือกใช้ได้ง่าย อย่างเช่น CLIV Ginseng Berry Premium Essence 310ml.เอสเซ้นส์ สารสกัดจาก Ginseng Berry Extract 90.8% มอบสารอาหารเเละวิตามินเป็นขั้นตอนเเรกของการบำรุง  เอสเซนส์ในรูปแบบน้ำเข้มข้นเพื่อการบำรุงผิว ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนวัตกรรม EM VECTOR COMPLEX™ เอสเซ้นส์เนื้อแบบสูตรน้ำบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างอ่อนโยน มีกลิ่นหอมอ่อนๆของเบอร์รี่ที่ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย เป็นขั้นตอนสู่การเตรียมผิวก่อนขั้นตอนการบำรุง ทำให้ผิวสุขภาพดีและแข็งแรง ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากมลภาวะภายนอก

เพื่อผิวที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จุดด่างดำดูลดเลือน ฟื้นฟูและบำรุงผิวด้วยสารอาหารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวเรียบเนียน แลดูกระชับ กระชับรูขุมขน พร้อมทั้งเติมความชุ่มชื่นคืนสู่ผิว ริ้วรอยแลดูลดเลือน เผยผิวแลดูสวยกระจ่างใส ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดเข้มข้น ทำให้ผิวมีสุขภาพดี พร้อมคืนพลังงานให้กับผิว มี EM Vector ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ

โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายและการระคายเคืองกับผิวนอกจากนี้ยังมี Gerry Berry Fermentox ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เพื่อให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย พร้อมกระชับรูขุมขนให้แลดูเล็กลงส่วนผสมเพื่อการบำรุงของพฤกษศาสตร์ ที่เติมพลังงาน และความชุ่มชื้นให้กับผิวฟังก์ชั่นการทำงานสองแบบ เพื่อเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ผ่านการวิจัยจากสถาบันถึง 11 ฉบับ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ สาวๆ สามารถหาซื้อได้ที่ Euphoria Shop ทุกสาขาค่ะ

สรุป ประโยชน์มากมายกับตระกูลเบอรี่ เรื่องเบอรี่ ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน

ร่างกายของเราต้องการอาหารและผลไม้ที่มีประโยชน์เข้าไป ช่วยเสริมสร้างให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยซ่อมแซมสิ่งที่สึกหล่อ ตระกูลผลไม้เบอร์รี่ ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกของผลไม้ดีมีประโยชน์ให้เราได้เลือกรับประทานในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแยม น้ำสกัดเข้มข้น หรืออบแห้ง แม้กะทั่งสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง ตอนนี้ก็นิยมนำสารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอรี่เป็นส่วนผสม ด้วยสรรพคุณและประโยชน์ที่เรารู้กันนั้นมีค่ามหาสารแล้วใครจะพลาดได้หล่ะคะ

เชื่อเลยว่าหลายคนเวลาส่องกระจกหรือเซลฟี่หน้าตัวเองทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกที ทั้งแก้มทั้งเหนียงมาเต็ม หรือสาว ๆ บางคนหน้าดูแบนไม่มีมิติ เห้อ พูดแล้วเครียด จะทำอย่างไรล่ะให้ใบหน้าของเราสวยดูมีมิติ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวทำศัลยกรรมเรามีเทคนิคในการแต่งหน้าเน้นการลงผิวเฉดหน้าไฮไลต์เพื่อสร้างมิติ ปกติแล้วสาว ๆ จะเฉดหน้าด้วยบรอนเซอร์ใช่ไหมล่ะคะ แต่ครั้งนี้เราจะมาลองใช้รองพื้นในการเฉดหน้าสร้างมิติ จะมีทริคอะไรแบบไหนบ้างไปดูกันเลยคร่าาา 

1. ลงไพรเมอร์ที่ผิวหน้าเพื่อเบลอรูขุมขนให้ดูเรียบเนียน

การบำรุงผิวหน้าก่อนการแต่งหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากค่ะ เพราะจะทำให้เครื่องสำอางเราติดทนมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหน้าเราเรียบเนียนสวยขึ้นอีกด้วย ไพรเมอร์ VIE Broadway Backstage Luminous Strobe Moisturizer ไพรเมอร์สำหรับปรับผิวหน้าให้เปล่งปลั่งก่อนลงรองพื้น ช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่าย ปรับผิวให้กระจ่างใส และทำให้รองพื้นติดทนยาวนานมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ 

2. ลงรองพื้นให้พอดีกับสีผิว

ลงรองพื้น VIE Ultra Satin Mousse Makeup SPF20 ให้ทั่วใบหน้า โดยลงห้าจุดบนใบหน้าและเกลี่ยให้เรียบเนียนด้วยนิ้วมือ การเกลี่ยรองพื้นด้วยนิ้วมือนอกจากจะไม่กินเนื้อรองพื้นแล้ว ความร้อนที่ได้จากการเบลนด์รองพื้นด้วยนิ้วมือยังช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนได้ดีด้วย แต่วิธีการลงรองพื้นยังมีอีกหลายวิธีทั้งการใช้แปรง ฟองน้ำ หรือซิลิโคน ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของสาว ๆ เลยค่ะ 

3. ลงรองพื้นสีสว่างสุดจุดที่รับแสงเพื่อเป็นไฮไลต์

การลงไฮไลต์เพื่อสร้างจุดที่สว่างบนใบหน้านอกจากใช้คอนซีลเลอร์แล้ว เราสามารถนำรองพื้นเบอร์ที่สว่างกว่าผิวมาใช้ได้ ซึ่งครั้งนี้เราใช้ BYS Pure Silk Serum Foundation – Ivory (23ml.) แต้มที่จุดกึ่งกลางหน้าผาก โหนกแก้มทั้งสองข้าง คางและสันจมูก จากนั้นใช้นิ้วมือเกลี่ยให้เนียนไปกับผิว นอกจากนี้ยังใช้รองพื้นเบอร์นี้ผสมกับอายแชโดว์ที่มีพิกเมนต์สีแดงมาทาที่แก้มเพื่อให้ผิวหน้าเราดูสุขภาพดีอีกด้วย 

4. ลงรองพื้นสีเข้มสุดเพื่อเฉดกรอบหน้าและสันจมูกให้ดูมีมิติ

เราจะเฉดดิ้งเพื่อสร้างเงาให้กับใบหน้าโดยใช้ BYS Pure Silk Serum Foundation – Natural Tan (23ml.) นำมาเฉดที่บริเวณสันจมูกและกรอบหน้า หลังจากนั้นเกลี่ยให้เนียนไปกับผิวด้วยนิ้วมือ แปรง หรือฟองน้ำแล้วแต่สาว ๆ ถนัดเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในขั้นตอนนี้คือระวังไม่ให้เป็นคราบ เราต้องค่อย ๆ เบลนด์ค่ะ เพียงเท่านี้หน้าของสาว ๆ ก็จะดูมีมีติและดูเรียวขึ้นแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง : 4 ทริคเลือกบลัชออน ให้เข้ากับสีผิว‼️ ตัวเอง จะได้แต่งออกมาสวยปัง ปัง กันเถอะ

เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า จึงทำให้สาวๆ ทุกคนมักจะใส่ใจกับการเขียนคิ้วเป็นพิเศษ และไม่ว่า

จะมีรูปคิ้วแบบไหน ก็สามารถทำให้ลุคการแต่งหน้าของสาวๆ นั้นโดดเด่นขึ้นมาได้ไม่ยากเลยละค่ะ

และสำหรับสาวๆ บางคน การเขียนคิ้วนั้นถือว่าเป็นยาขมของการแต่งหน้าเลยล่ะค่ะ เพราะสาวๆ

บางคนนั้นไม่สามารถเขียนคิ้วให้สวยตามที่ใจต้องการได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีเทรนด์แต่งหน้ามากมายให้สาวๆ ได้ตามติดกันอยู่เสมอ แต่จะมีสักกี่คนที่ให้ความสนใจและใส่ใจกับการเขียนคิ้วอย่างแท้จริง

ทำความเข้าใจกับเทรนด์คิ้วของแต่ละซีกโลก…

แน่นอนค่ะ ว่าเทรนด์ในการเขียนคิ้วในแต่ละที่บนโลกเรานั้นมักจะมีรูปแบบและสไตล์ที่แตกต่างกัน

และแน่นอนว่ามีความโดดเด่นที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งรูปคิ้วที่แตกต่างกันนี้ก็จะยังทำให้สาวๆได้ลุคที่

แตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย สาวๆ ชอบแบบไหน ต้องตามมาดูกันค่ะ

เทรนด์คิ้วสาวญี่ปุ่น

สำหรับสาวๆ แดนปลาดิบนั้นนิยมเขียนคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติ โดยเน้นการเขียนคิ้วตามรูปคิ้วธรรมชาติ

ของตนเอง และใช้สีที่กลมกลืนกับสีผมมากที่สุด หรืออ่อนกว่าสีผมเพียงเล็กน้อย และขอบคิ้วของสาว

ญี่ปุ่นจะไม่มีความคม แต่จะดูเป็นธรรมชาติเมื่อเปรียบเทียบกับสาวๆ ชาติอื่น โดยรูปคิ้วของสาวญี่ปุ่น

นั้นจะเขียนให้ยังคงเห็นขนคิ้วเป็นเส้นๆ อยู่ค่ะ

เทรนด์คิ้วสาวเกาหลี

สำหรับเทรนด์คิ้วของสาวสายแบ๊วอย่างสาวเกาหลีนั้นจะเน้นรูปคิ้วสีอ่อนๆ จางๆ แต่ยังคงเข้ากับสีผม

ขอบของคิ้วคมชัด และแน่นอนว่าเทรนด์คิ้วของสาวเกาหลีนั้นจะต้องมีทรงคิ้วที่ค่อนข้างตรง เพื่อ

ความหน้าเด็กดูละมุน โดยจะเขียนคิ้วให้ดูหนาขึ้นเล็กน้อย เพื่อใบหน้าที่ดูเด็กและอ่อนเยาว์ลง

เทรนด์คิ้วสาวฝรั่ง

มาถึงเทรนด์คิ้วที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา นั่นก็คือเทรนด์คิ้วสาวๆ สาย ฝ. หรือสาวๆ ฝรั่ง

นั่นเองค่ะ โดยเทรนด์คิ้วของสาวฝรั่งนั้นจะต้องมีสีที่เข้ม ขอบคม และดูเติมเต็ม โก่งยาวสุดๆ ทรงคิ้ว

ทรงนี้ทำให้สาวๆ ดูมีใบหน้าที่เฉี่ยวคม และมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนคิ้ว

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนคิ้ว

ปัจจุบันนี้มีอุปกรณ์และไอเท็มมากมายที่สามารถช่วยให้สาวๆ เขียนคิ้วได้ง่ายและสวยมากยิ่งขึ้น ไม่

ว่าจะเป็นดินสอเขียนคิ้ว เจลสักคิ้ว ที่เขียนคิ้วชนิดฝุ่น หรืออะไรต่างๆ นานา และสาวๆ หลายคนก็มี

อุปกรณ์สำหรับเขียนคิ้วกันอย่างครบมือ แต่ไม่รู้วิธีการเขียนคิ้วได้อย่างถูกต้อง วันนี้เราจะมาเรียนรู้

เคล็ดลับการเขียนคิ้วให้สวยเข้ากับรูปหน้ากันค่ะ

เทคนิคการเขียนคิ้วที่ถูกต้อง ไม่ยากอย่างที่คิด

จริงๆ แล้วการเขียนคิ้วนั้นไม่มีกฎที่ตายตัว สาวๆ จะเขียนคิ้วด้วยวิธีไหนก็ได้ แต่ขอให้ออกมาสวยก็

เพียงพอ แต่จริงๆ แล้วหากสาวๆ รู้หลักการเขียนคิ้วที่ถูกต้อง จะยิ่งทำให้การเขียนคิ้วนั้นง่ายดาย

และสวยเป๊ะกว่าเดิมค่ะ

คิ้วที่สวยสมบูรณ์แบบ

ก่อนอื่นเรามาดูกันค่ะ ว่ารูปคิ้วที่สวยเป๊ะ และรับกับใบหน้าของเรานั้นเป็นอย่างไร? คำตอบอยู่บน

แผ่นภาพด้านบนเรียบร้อยแล้วค่ะ คิ้วที่สวยสมบูรณ์แบบนั้น หัวคิ้วจะต้องอยู่ที่บริเวณสันจมูก

สามารถวัดได้โดยการนำดินสอเขียนคิ้วแนบกับสันจมูกด้านข้างค่ะ ส่วนจุดสูงสุดของคิ้วนั้นวัดจาก

ขอบตาดำด้านนอก และหางคิ้ววัดจากปลายปีกจมูกผ่านขอบตาของเรา และนี่คือการกำหนดระยะคิ้ว

ที่สมบูรณ์แบบของเราค่ะ

การเขียนคิ้ว

การเขียนคิ้วนั้นควรเริ่มจากการร่างกรอบโครงของคิ้วก่อน โดยเริ่มจากด้านล่าง และจากนั้นวาด

กรอบด้านบน หลังจากนั้นก็ทำการถมส่วนช่องว่างของคิ้วตามเส้นของขนคิ้ว จากนั้นทำการเกลี่ย

ด้วยแปรงเพื่อเบลนสีให้ดูสวยกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ แต่ที่สำคัญหัวคิ้วต้องไม่เข้มจนเกินไป

เพราะจะยิ่งทำให้ดูหลอกตา และดูเป็นชินจังมากๆ ค่ะ

การเลือกสีคิ้ว

การเลือกสีคิ้วที่เหมาะสมนั้น ควรเลือกสีที่เข้ากับสีผมมากที่สุด หรืออ่อนกว่าสีผมได้เพียงเล็กน้อย

เพื่อความเป็นธรรมชาติและดูไม่หลอกจนเกินไป และที่สำคัญสาวๆ ไม่ควรเขียนคิ้วให้ดูเข้มจนไม่

เห็นขนคิ้วนะคะ เพราะจะทำให้ดูคิ้วปลิงได้

Special Tips!!

หากสาวๆ มีปัญหาเรื่องสีคิ้วที่เราเขียนนั้นไม่ติดทนระหว่างวัน แน่นอนว่ามีไอเท็มเด็ดๆที่สามารถ

หาให้คิ้วอยู่ติดทนมากยิ่งขึ้น นั่นคือ “Vie Cosmetics Oscar Night Eye – Brow & Shadow” เมคอัพโทนเรียบหรูดูแพง พาเลทเขียนคิ้วและอายแชโดว์โทนน้ำตาล 5 สี สามารถใช้ได้ทั้งกับคิ้วและดวงตา หรือเฉดดิ้งไฮไลท์ เรียกได้ว่า สวยคมพร้อมเดินพรมแดงเลยค่ะ สาวๆ สามารถหาซื้อได้ที่ Euphoria Shop ทุกสาขาค่ะ

สรุป !! “เคล็ดลับเขียนคิ้วสุดง่ายให้คิ้วสวยเป๊ะเวอร์”

ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ กับเคล็ดลับการเขียนคิ้วให้ดูสวยและเป็นธรรมชาติสุดๆ ในส่วนของลูกเล่น

และรูปแบบคิ้วนั้น สาวๆ ก็สามารถเลือกได้ว่าชอบคิ้วแบบสาวญี่ปุ่น สาวเกาหลี หรือสาวฝรั่ง ลองน่า

ไปทำตามกันดูนะคะ